คลินิกหมอภัทรแพทย์แผนไทยรักษาสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็น “ผื่นคัน” หรือ “ผิวแห้งทั่วไป” ทำให้มองข้ามสัญญาณเตือนในระยะเริ่มต้นไปโดยไม่รู้ตัว แต่ความจริงแล้วอาการสะเก็ดเงินสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และหากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความรุนแรงของโรค และป้องกันการลุกลามไปยังข้อหรือระบบอื่นของร่างกาย
ในบทความนี้เราจะพาคุณมาดู “5 อาการสัญญาณเตือนของโรคสะเก็ดเงินระยะแรก” เพื่อให้คุณสามารถเช็กตัวเองได้ และดูแลผิวให้ถูกวิธี
มักปรากฏขึ้นบริเวณที่มีการเสียดสีหรือเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ข้อศอก หัวเข่า หลังหู หรือศีรษะ ผื่นเหล่านี้จะมีขอบเขตชัดเจนและไม่หายไปเองในเวลาไม่กี่วัน
ถ้าคุณสังเกตเห็นผื่นแดงที่ไม่หาย แม้จะดูเล็กน้อยแต่กลับอยู่กับคุณเป็นเวลานาน นี่อาจเป็นสัญญาณของโรคสะเก็ดเงิน ที่ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผิวหนัง
ผื่นสะเก็ดเงินมักมีขุยสีขาวหรือเงินปกคลุมผิวหนัง ขุยเหล่านี้เป็นเซลล์ผิวหนังที่ผลัดเร็วกว่าปกติและลอกออกได้ง่ายคล้ายรังแค แต่จะเกาะแน่นกว่ารังแคทั่วไป
หากผิวหนังมีขุยลอกซ้ำๆ ในตำแหน่งเดิมและไม่หาย ควรระวังไว้ว่าอาจเป็นสะเก็ดเงินระยะแรกที่ไม่ควรมองข้าม
แม้อาการคันจะไม่รุนแรงในระยะแรก แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัว โดยเฉพาะในช่วงที่ผิวแห้งหรือมีเหงื่อออกมาก อาการคันนี้อาจนำไปสู่การเกา ซึ่งจะยิ่งทำให้ผื่นลุกลามและอักเสบรุนแรงขึ้น
โรคสะเก็ดเงินมักเกิดขึ้นในจุดเดิมๆ แม้ผื่นจะหายไปชั่วคราว หลังจากนั้นผื่นจะกลับมาอีกครั้งตำแหน่งเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ดังนั้นหากคุณเคยมีผื่นที่เคยหายไปแต่กลับมาเป็นซ้ำ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาที่เหมาะสม
บางคนอาจเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติที่เล็บก่อน เช่น เล็บหนา เปราะ หรือมีรอยบุ๋มเล็กๆ ที่พื้นเล็บซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของอาการสะเก็ดเงินที่ไม่ควรมองข้าม
เพื่อให้การดูแลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่าลืมใส่ใจเรื่องอาหารด้วย โดยเฉพาะกรณีที่ยังไม่แน่ใจว่า สะเก็ดเงินห้ามกินอะไร สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้อาการแย่ลงได้ และควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างถูกต้อง
โรคสะเก็ดเงินไม่ได้จำกัดแค่ผิวหนังอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ยังสามารถส่งผลต่ออวัยวะอื่นๆ โดยเฉพาะระบบข้อ เช่น ข้ออักเสบจากสะเก็ดเงิน (Psoriatic Arthritis) ซึ่งทำให้เกิดอาการเจ็บ ปวด ข้อฝืด และเคลื่อนไหวได้ลำบาก
หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ข้อเกิดความเสียหายหรือผิดรูปอย่างถาวรได้ ดังนั้นการสังเกตถึงภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินสามารถวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างรอบด้าน และเข้ารับการรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ปัจจุบันมีวิธีรักษาโรคสะเก็ดเงินหลายรูปแบบ เช่น การใช้ยาทาภายนอก, ยากิน, แสงยูวีบำบัด หรือแม้แต่ยาชีววัตถุ (Biologic drugs) ซึ่งต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้การดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น การรับประทานอาหารที่เหมาะสม, การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการลดความเครียด ก็ช่วยให้อาการดีขึ้นได้
การสังเกตอาการสะเก็ดเงินระยะแรก ตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีและป้องกันการลุกลามของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าปล่อยให้ผื่นแดงเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่รุนแรงกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
หากพบกว่ามีผื่นนูนแดงเป็นขุยต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ มีอาการคันมากหรือเจ็บมาก เล็บเริ่มผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัย เพราะการรักษาในระยะแรกจะช่วยควบคุมอาการได้ดีกว่าการปล่อยให้โรคลุกลาม
ยาทาสะเก็ดเงิน : สเตียรอยด์เฉพาะที่, วิตามินดีอนาล็อก
การฉายแสง UV (Phototherapy)
ยากินหรือยาฉีด (ระบบ): ใช้ในรายที่รุนแรง
(หมายเหตุ: การรักษาทุกชนิดต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์)
Q: โรคสะเก็ดเงินหายขาดหรือไม่?
A: โรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง ไม่หายขาด แต่ควบคุมอาการได้ด้วยการรักษาอย่างเหมาะสม
Q: โรคสะเก็ดเงินติดต่อหรือเปล่า?
A: ไม่ติดต่อ ไม่แพร่กระจายจากการสัมผัส แต่มีปัจจัยพันธุกรรมและภูมิคุ้มกันเกี่ยวข้อง
Q: ปัจจัยอะไรที่กระตุ้นให้โรคกำเริบ?
A: ความเครียด การติดเชื้อ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และอากาศเย็นจัด
Q: ควรดูแลตัวเองอย่างไรหากเป็นสะเก็ดเงิน?
A: รักษาความสะอาดผิว หลีกเลี่ยงการเกา ทาครีมบำรุงผิว และพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่าปล่อยให้โรคสะเก็ดเงินลุกลาม! หากคุณหรือคนใกล้ชิดเริ่มมีอาการเข้าข่ายสะเก็ดเงินระยะแรก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังได้ที่ บ้านหมอภัทรคลินิก โทร 096-394-2995